วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ผีเด็กขอตามมาอยู่ด้วย..

วันหนึ่ง เวลาประมาณ 22.00น. ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังนั่งอ่านเวปธรรมะเวปหนึ่ง ข้าพเจ้านั่งห้อยขา 2 ข้างบนเก้าอี้และคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่บนโต๊ะที่มีใต้โต๊ะแล้วขาข้าพเจ้าก็อยู่ใต้โต๊ะนั้น กำลังนั่งอ่านเพลินๆ อยู่นั้นได้เกิดรู้สึกแปลกๆที่ขาด้ายซ้าย ขนลุกเป็นพักๆ เหมือนโดนลูบขาจากล่างขึ้นมาข้างบน ข้าพเจ้าก้มไปดูใต้โต๊ะ ก็ไม่เห็นอะไร ก็ไม่ได้สนใจอะไร นั่งอ่านต่อ



สักพักเอาอีกแล้วขนลุกเหมือนโดนลูบขาอีกแล้ว คราวนี้ข้าพเจ้ารีบก้มมองไปทันที โอ้คุณพระช่วย...สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นคือเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุราวๆ 7ขวบได้ ตัวซีดๆนั่งอยู่ใต้โต๊ะกำลังกอดที่ขาซ้ายของข้าพเจ้าอยู่ ข้าพเจ้าตกใจมากรีบยกขาขึ้นบนเก้าอี้แล้วเงยหน้าขึ้น ตั้งสติสักพักแล้วก้มลงไปมองที่ใต้โต๊ะอีกที เห็นแต่ความว่างเปล่า กับขาโต๊ะเท่านั้น
ข้าพเจ้า : เฮ้อ.. คงตาฟาดไปมั่ง ไม่มีอะไรสักหน่อยแค่ขาโต๊ะเอง หาน้ำดื่มสักแก้วดีกว่า



แล้วข้าพเจ้าก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะไปในห้องครัว ก่อนที่จะถึงห้องครัว หางตาข้าพเจ้าก็เห็นอะไรผิดปกติในห้องนอนซึ่งลูกชายข้าพเจ้ากำลังนอนหลับอยู่ ข้าพเจ้าจึงหันไปมองแบบเต็มๆตา



ข้าพเจ้าตกใจอีกครั้งกับสิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นในห้องนอนนั้น เป็นเด็กผู้ชายคนเดิมที่เห็นเมื่อกี้ใต้โต๊ะ นั่งคลุกเข่าอยู่ปลายเท้าลูกชาย นั่งหันตัวไปทางลูกชาย แต่หันหน้ามามองข้าพเจ้าที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน (ซึ่งเตียงนอนจะเป็นแนวขวางกับประตูห้อง เวลามองเข้าไปจะเห็นด้านข้างเตียง หัวที่นอนจะอยู่ทางด้านขวามือ ปลายเท้าจะทางด้านซ้ายมือของข้าพเจ้า)



มองมาด้วยสายตาที่เศร้าๆ แต่ตอนนั้น ความกลัวมันครอบงำ กลัวสุดขีด เพราะเห็นถึง 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน แถมสามีก็ไม่อยู่ ลูกชายก็หลับไปแล้วเหลือเราอยู่คนเดียว ยืนตาค้าง กลืนน้ำลายไปหลายอึก คิดไม่ออกบอกไม่ถูกจะทำอะไรอย่างไร อึ้งไปสักพัก...



เมื่อได้สติข้าพเจ้าก็พยายามเดินไปที่ห้องครัว ไปหาน้ำดื่ม (รู้สึกกระหายน้ำมากๆๆๆ) มือไม้สั่น แทบจะประคองแก้วน้ำไม่อยู่ พอดื่มน้ำแล้วพยายามรวบรวมความกล้าอีกครั้ง เพื่อกลับมาที่ห้องนอน เพราะลูกชายสุดที่รักเราอยู่ในนั้น "ไม่รู้ล่ะว่าจะเจออะไรอีกแต่ต้องเข้าไปช่วยลูกให้ได้"
หายใจเข้าออกลึกๆ หลายที่ ขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า พอรวบรวมความกล้าได้แล้ว ก็เดินกลับมาที่หน้าห้องนอนอีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นเด็กผู้ชายคนนั้นแล้ว



ข้าพเจ้ารีบวิ่งเข้าที่เตียงลูกชาย เข้าไปกอดลูกและดูปลายเท้าลูกว่าเกิดอะไรขึ้นไหม ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร ลูกชายข้าพเจ้าก็นอนหลับสบายดี เหมือนโล่งอกแบบบอกไม่ถูก



แล้วข้าพเจ้าก็รวบรวมความกล้าอีกครั้ง เพื่อเอ่ยบอกผีเด็กคนนั้นว่า
ข้าพเจ้า : เราไม่รู้ว่าท่านคือใคร ท่านต้องการอะไรนะ เอาเป็นว่าถ้าท่านต้องการความช่วยเหลือจากเราให้มาบอกในฝันได้ไหม อย่ามาให้เห็นแบบจะๆอย่างนี้อีกเลยนะ เรากลัว
ถ้าท่านมาดีเราอนุญาตให้อยู่ด้วยได้ แต่ถ้าท่านเป็นมิฉาทิฐิเราไม่อนุญาตให้อยู่ที่บ้านเราได้นะ ออกไปซะอยู่ใครอยู่มันเถอะนะ



เมื่อพูดจบข้าพเจ้าก็ออกมาจากห้องนอนแล้วไปสวดมนต์ที่หน้าหิ้งพระ ไม่กล้านั่งกรรมฐานต่อกลัวผีเด็กนั้นจะโผล่มาอีก ปิดไฟที่ห้องรับแขกแต่เปิดไฟในห้องนอน แล้วเข้านอนเลย คืนนั้นผ่านไปด้วยดี ไม่ได้ฝันอะไรแต่กว่าจะข่มตาให้หลับได้นานพอสมควร



เช้าวันใหม่ ข้าพเจ้าก็ทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ ขณะที่กำลังทำกับข้าวอยู่นั้น ก็เกิดขนลุกที่ขาซ้ายอีกแล้ว ความรู้สึกเดียวกับเมื่อคืนนี้เลย “โอ้โน..อย่าบอกนะว่ามาอีกแล้ว” ข้าพเจ้านึกในใจ แต่ก็ทำใจแข็งไว้ บอกกับตัวเองว่าไม่กลัว ไม่กลัว ไม่กลัว แล้วก็ทำกับข้าวต่อไป แต่รู้สึกตลอดเวลาเลยว่าเหมือนมีใครมากอดที่ขาซ้ายเรา เพียงแต่พยายามไม่สนใจ ไม่มอง ไม่อยากเห็นแล้ว “อยากกอดก็กอดไปเบื่อเมื่อไรก็ไปล่ะกันนะ” ข้าพเจ้าพูดบอกผีเด็กนั้นไป



ตอนนั้นยังไม่ได้เปิดญานทัศนะ (เปิดตาที่สาม)ใดๆ แต่ก็จะเห็นหรือสัมผัสกับโลกทิพย์มาตลอดตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่พักหลังที่ฝึกมโนมยิทธิจะได้เห็นบ่อยและมากขึ้น เห็นแบบจะๆ ก็เยอะ ยิ่งแว๊บๆ ผ่านไปมาเห็นแทบทุกวัน เพียงแต่ยังไม่มั่นใจเพราะฝึกเองไม่ได้มีครูคอยสอน เพิ่งจะมามีครูสอนที่ไปเปิดญานทัศนะนี้เองค่ะ แต่ก่อนหน้าที่จะเปิดญานทัศนะกับอาจารย์ไม่นานนักได้รู้จักอาจารย์ในฐานะเพื่อนรุ่นน้องก็จะมีโทรคุยกัน แชตกันบ้าง แบบเพื่อน ขอคำแนะนำบ้าง ตอนนั้นยังไม่คิดว่าเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กันหรอกค่ะ มาเริ่มนับถือเป็นอาจารย์จากวันที่เปิดญานทัศนะให้นั้นเอง



ตกกลางดึกวันนั้น ข้าพเจ้าก็แชต msnกับอาจารย์ (ตอนนั้นยังคิดแบบเพื่อนรุ่นน้องอยู่ค่ะ) ก็ถามไปว่า



ข้าพเจ้า : เจ(นามสมมุติ) พอเห็นอะไรแปลกๆที่บ้านพี่ไหม
เจ : พี่หมายถึงอะไรครับ
ข้าพเจ้า : เออ..คือ เมื่อคืนนี้พี่เจอดีน่ะ จนมาตอนนี้ก็ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่น่ะ พอดูให้พี่หน่อยได้ไหมว่ามันคืออะไร
เจ : ได้ครับ ไหนเป็นอย่างไรเล่ามาซิครับ
ข้าพเจ้า : คือ ตอนนี้เลยนะ พี่รู้สึกขนลุกเป็นพักๆ เหมือนมีใครมากอดที่ขาซ้ายและลูบขาพี่น่ะ
เจ : อ๋อ เด็กน้อยพี่ 555+
ข้าพเจ้า : ไม่ขำเลยนะ รู้จ๊ะว่าเด็กปรากฏตัวให้เห็นแล้ว แล้วมาทำไม มากอดขาพี่ทำไมเนี้ย
เจ : เขาขอมาอยู่ด้วยน่ะ เจอแล้วชอบถูกชะตาอยากมาอยู่ด้วย



ข้าพเจ้า : มีอย่างงี้ด้วย ตามมาซะง่ายๆอย่างนี้เลย แล้วตามมาจากไหนหรอ
เจ : จากสระน้ำ เขาตกน้ำตายที่นั้น พี่ไปเที่ยวไหนมาล่ะ ที่เป็นสระน้ำใหญ่ๆน่ะ
ข้าพเจ้า : ออ..ไปเที่ยวต่างจังหวัดมา บ้านเพื่อนแฟนพี่น่ะ เป็นวังเก่าๆ และมีสระน้ำอยู่ด้านหลังวัง ใช่ที่นั้นไหม
เจ : ใช่แล้วครับ เขาเห็นพี่เลยเกาะตามมาด้วย เห็นพี่มีลูกชายด้วยไงได้มีเพื่อนเล่น
ข้าพเจ้า : เอ้า..มีอย่างงี้ด้วย อยากตามก็เกาะมาซะงั้นเลย แล้วเขาเข้าบ้านพี่มาได้อย่างไรล่ะ
เจ : ก็เขาเกาะมากับขาพี่ ท่านเจ้าที่ก็คิดว่ามาด้วยกันกับพี่ไง ก็เลยปล่อยให้เข้ามา
ข้าพเจ้า : โอ้ย..ท่านเจ้าที่ขา ไม่ได้มาด้วยกันนะ เด็กมันเกาะตามมาเองเจ้าค่ะ
เจ : 555+ สายไปแล้ว เขาเข้ามาได้แล้วน่ะพี่



ข้าพเจ้า : แล้วพี่ทำอย่างไรดีล่ะ จะมาเกาะขากันอยู่อย่างนี้ตลอดไปหรอ
เจ : ก็โอนบุญให้เขาซิครับ ถ้าพี่อนุญาตให้เขาอยู่ด้วยได้ เขาก็จะปล่อยไม่เกาะขาพี่แล้วล่ะครับ
ข้าพเจ้า : โอนบุญน่ะได้เลย แต่จะขออยู่ด้วยนี่ ดีหรอ เป็นผีเด็กดีไหมเนี้ย ขืนมาเกเรไม่เอาด้วยนะ
เจ : ไม่หรอกพี่ น่าจะผีเด็กดีอยู่นะ
ข้าพเจ้า : ถ้าพี่ให้อยู่ก็เหมือนพี่รับเลี้ยงเขาใช่ไหม อย่างนี้ จะดีหรอ วันหนึ่งเกิดลืมเขาขึ้นมาไม่เล่นงานพี่แย่หรอ เอาไงดีอะเจ พี่รับไว้ดีหรอ
เจ : ก็แล้วแต่พี่นะครับ แต่เลี้ยงไว้ก็ไม่เสียหายอะไรนะ ไม่ต้องยุ่งยากอะไรแค่เวลาพี่แผ่เมตตาก็โอนบุญให้เขาด้วยล่ะกันแค่นั้นแหละครับ พอเขารับบุญจากพี่บ่อยๆ เขาก็จะมีอิทธิฤทธิ์ช่วยเหลือพี่ได้นะครับ
ข้าพเจ้า : อือ..น่าคิดๆ แต่บอกก่อนนะถ้าเกเร ไม่รับนะ ไม่อนุญาตให้อยู่ด้วยนะ ถ้าผีเด็กดีอยู่ได้
เดี๋ยวมาพาลูกพี่เก ไม่เอานะ



เจ : เอา..รับปากพี่เขาไหมล่ะเราเจ้าผีเด็ก พี่เขายอมให้อยู่ด้วยแล้วก็เป็นเด็กดีนะรู้ไหม
ข้าพเจ้า : แล้วไม่ต้องมาให้เห็นอีกด้วยนะ รู้แล้วว่าอยู่ด้วยนะ อยากได้อะไรมาบอกในฝันล่ะกัน รับปากนะ
เจ : เด็กรับปากครับพี่ คืนนี้ตอนแผ่เมตตาก็โอนบุญให้เขาด้วยนะครับ
ข้าพเจ้า : จ้า ขอบใจนะเจ ช่วยเป็นล่ามให้ เมื่อคืนพี่แทบแย่ไม่ได้นอนเลย เล่นมาให้เห็นจะๆ 2 ครั้งแน่ะ หวังว่าตกลงกันได้แล้วไม่ต้องโผล่มาให้เห็นแล้วนะ
เจ : 555+ เห็นบ่อยขนาดนี้ ยังจะกลัวอยู่อีกหรอพี่
ข้าพเจ้า : เหอะๆ บ่อยแค่ไหน ก็กลัวอะ ไม่ใช่คนนี้น่า เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป เดี๋ยวผุบเดี๋ยวโผล่แต่ละทีธรรมดาซะทีไหนกันละ ผีน่ะ อึ๋ย..ย
เจ : 555+ เดี๋ยวจะเห็นบ่อยมากกว่านี้อีกนะ รีบๆชินกับมันซะนะ
ข้าพเจ้า : ผีเนี้ยนะ มาบอกให้ชินกับมัน พูดเหมือนว่าผีเป็นตุ๊กตางั้นแหละหนอ...





หลังจากคืนนั้นผีเด็กตนนั้นก็ไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกเลย จนกระทั้งวันที่เปิดญานทัศนะนั้นแหละค่ะ เกาะขาไม่เลิกเลยจริงๆ (ผี)เด็กหนอเด็ก วันเปิดญานก็โอนบุญชุดใหญ่เปลี่ยนภพภูมิให้เสร็จสรรพ แต่..ผีเด็กตนนั้นก็ขอตามไปอยู่กับอาจาย์ซะแล้วในวันนั้น เกาะเรามาตั้งนานอยู่ๆก็ไปง่ายๆ ซะงั้น อิอิ ไปดีก็มีสุขด้วยจ้า เจ้าผีเด็ก



บึงน้ำที่กล่าวถึงค่ะ
สังเกตุดูขอบรูปด้านซ้ายนะคะไม่ปกติ
สาบานได้ว่าไม่ได้ตัดแต่งภาพแต่อย่างใดค่ะ



..........................................................................................





สัมภเวสีที่ตามเกาะเรามาบางตน เขาก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายอะไรเราก็มีนะคะ อย่าเพิ่งไปขับไล่เขาเลย เขาเดือดร้อนมาต้องการหาที่พึ่งก็ได้ หากเราพอจะเป็นที่พึ่งให้เขาได้บ้างก็ให้เขาอยู่กับเราไปเถอะค่ะ พอถึงเวลาที่เขาจะได้ไปเกิดในภพใหม่แล้วเขาก็ไปเองค่ะ พวกเขาน่าสงสาร สัมภเวสีเขาไม่มีที่ไปกัน ขออยู่ด้วยเพื่อต้องการแค่บุญที่โอนให้เขาบ้างเท่านั้นเองค่ะ อย่าไปกลัวเขาเลย เผื่อสักวันใครจะไปรู้ว่า เราอาจจะตกในฐานะเดียวกันกับเขาก็ได้นะ
โปรดเอื้อเฟื่อต่อสัมภเวสีและผีเด็ก ให้เขามีที่พึ่งด้วยนะคะ

12 ความคิดเห็น:

  1. wiky กล่าวว่า...
    เมื่อสามวันก่อนพี่นั่งสมาธิอยู่ มีภาพแว๊ปๆเห็นเป็นเด็กทารกคนหนึ่งน่าจะเป็นเด็กผู้ชาย พี่เห็นหน้าตาเค้ามีเลือดเต็มหน้าเลย เห็นแต่ก็นั่งต่อไป จนออกสมาธิ พี่ก็ไม่ได้คิดอะไรพี่ก็ไม่รู้ว่าที่พี่เห็นจริงหรือไม่หรือจิตปรุงแต่งขึ้นมา เพราะภาพที่เห็นไวมากสัก2-3วินาทีได้พี่เลยไม่แน่ใจ ความรู้สึกกับเด็กคนนี้คือไม่รู้จักว่าเป็นใคร ก็เลยเฉยไม่ได้เล่าให้ใครฟัง ต่อมาอีกคือเมื่อวานนี้ ขณะที่เคลิ้มจะแอบนอนสักหน่อย ใจก็ท่องไป พุธโธ ๆๆๆๆนอนไปมันไม่หลับนะรู้ตัวอยู่ ว่าเราเปิดโลกทิพย์อยู่อารมณ์เหมือนฝันแต่ก็รู้ว่าไม่ได้ฝัน ก่อนนอนนั้นจำได้เวลา10.30 พี่ก็เห็นเด็กคหนึ่งผมทรงนักเรียน หน้าตาเห็นไม่ชัด ใส่เสื้อลายขวางสีสดใส เห็นเป็นจอภาพเลยนะ รอบข้างเด็กนั้น ความรู้สึกเหมือนเราเคยไป แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน เป็นเหมือนบ้านคนนี่และคุ้นๆ แต่จำไม่ได้ และเด็กคนนี้ความรู้สึกว่าหน้าตาคล้ายเรา แต่มิใช่เรา คิดนะตอนนั้น ใคร หว่า นึกไม่ออก อายุประมาณ8-9 ขวบได้ นึกถึงคำพุดนุ้ยได้ว่าอยาอยาก กิเลสจะทำให้เห็นไม่ชัด ก็เลยทำจิตให้ไม่อยากแต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด ภาพที่เห็นก็ค่อย จางไป พี่รู้ตัวตลอดเลยว่าเกิดอะไร ขึ้น แต่ก็มีความสงสัยนะ ในกรณีที่เราเห็นแบบนี้ เราควรทำอย่างไร และควรโอนบุญเลยไหม และถ้ามาโอนบุญตอนเราออกจากการเห็นภาพได้หรือไม่ และที่เค้ามาเค้าไม่ได้พูดอะไรเลย เราก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ เวลาเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ จิตเรายังไม่แข็งพอมันก็ต้องมีหวั่นๆกลัวนิดๆ พี่ควรฝึกอะไรเพื่อให้จิตเราคุ้นและรับสภาพได้ดี ไม่กลัวไม่หวั่นไหวในสิ่งที่เห็น เพราะคิดว่าคงจะต้องเจอเยอะแยะกว่านี้แน่นอน และขอเล่าอีกเรื่อง ของแฟนพี่ พี่ขอเล่าแทนเค้า เค้าบอกนั่งสมาธิไป เห็นหมามา1ตัว อีกวันเห็นฤาษี หนวดเครายาวรุงรัง หมายความว่าไงค่ะ ขอนอกเรื่องโลกทิพย์นิดนะค่ะ ทุกวันเสาร์ แฟนพี่เค้าจะปวดหัวมากเลย ปวดจนมืนเลยนะ วันจัน-ศุกร์ไม่เป็น เป็นมาสัก หนึ่งปีกว่าๆแล้ว เราก็หาสาเหตุไม่ได้เลยอยากให้นุ้ยดูให้ว่าเกิดจากสิ่งใด และควรแก้ไขอย่างไร

    ตอบลบ
  2. นุ้ยย้ายมาไว้ที่นี่นะคะ พี่อ๊อป

    เห็นได้ขนาดนี้แสดงว่าพัฒนาการขึ้นเยอะเลยนะคะ ตลบมือให้หน่อย ที่เห็นตอนนอน(แต่ไม่หลับ)น่ะเขาเรียกว่าเข้าฌาน แล้วลดระดับมาเหลืออุปจารสมาธิ ระดับอารมณ์จึงตรงได้กับคลื่นโลกทิพย์พอดีค่ะ
    (จำอารมณ์นี้ไว้นะ) เราจึงได้เห็นโลกทิพย์ค่ะ ท่านตั้งใจมาปรากฏให้เห็นบ้าง หรือเราไปเห็นเองบ้าง แล้วแต่สถานการณ์ไปค่ะ
    อย่างกรณีที่เกิดกับพี่นี้ เขามาให้เห็นค่ะ ถามว่าเห็นแล้วทำไงต่อล่ะ สื่อสารยังไม่ได้ เป็นปกตินะคะ จะค่อยๆ พัฒนาขึ้นตามลำดับค่ะ
    เห็นโลกทิพย์ปรากฏตัวมาเนี้ย ก็โอนบุญให้เขาได้เลยค่ะ โอนในสมาธินั้นแหละค่ะ เขาจะได้เต็มๆเลย เพราะสมาธิเราเต็มที่ส่งให้เขาได้เต็มๆ ค่ะ ที่นี่ ถ้าอยากจะสื่อสารกับเขาอยู่ ก่อนโอนบุญให้ก็บอกเขาก่อนว่าได้รับบุญแล้วอยู่ต่อก่อนนะเราอยากคุยด้วย หรือเราอยากถามท่าน ก็ว่าไปค่ะ แล้วก็โอนบุญให้เขา และก็เริ่มสนทธนาได้เลย(ถ้าเขาอยู่ต่อนะ)

    ที่นี่เรื่องความกลัว อันนี้ก็เป็นธรรมดาเช่นกัน เราเคยกลัวพวกเขามาก่อนจะให้มาหายกลัวแบบฉับพลันเลยเป็นไปไม่ได้เนอะ ก็พยายามเข้าหาเขาค่ะ เจอบ่อยๆ ก็จะชินไปเอง ใหม่ๆ ก็มีสั่น มีขวัญผวา มีตกใจบ้างเป็นธรรมดาค่ะ นุ้ยเองก็กลัวค่ะใหม่ๆ อย่างในนิทานนั้นแหละค่ะ แต่พอบ่อยๆเข้า ก็ชินไปเองค่ะ
    เปรียบเหมือนเรากลัวสัตว์อะไรสักอย่าง เช่น งู นะ ปกติเห็นไม่ได้เลยต้องวิ่งหนี แต่เรากลั่นใจเดินเข้าหาเขา งูที่ไม่มีผิดนะคะ เราพยามยามเดินเข้าหา จับเขาให้ได้ ความกลัวก็จะลดลได้ อย่างงูเหลี่ยม งูหลามที่เขาจะนำมาคล้องคอถ่ายรูปกันน่ะค่ะ ถ้าเราอยากถ่ายรูปคู่กับงูเราก็ต้องทำใจไม่กลัวมันเราก็จะได้ถ่ายคู่กับมันใช่ไหมค่ะ
    ผีก็เหมือนกัน ถ้าเราอยากเจอเขาอยากคุยกับเขาก็ต้องพยายามทำใจไม่กลัวเขาเช่นกันค่ะ

    เพราะฉะนั้นต้องเจอบ่อยๆ พยายามเดินเข้าหาเขา จะได้ลดระดับความกลัวเราลงได้ค่ะ

    สำหรับแฟนพี่ เห็นพระฤาษีนั้นคือ ครู ของแฟนพี่นะคะ ส่วนหมานี้ไม่ทราบค่ะ เห็นไม่ชัด ขยายความนิดนึงค่ะ ว่าเห็นอย่างไร มาอย่างไรเล่าเป็นเรื่องได้เลยไหมค่ะ ให้ไปเล่าที่ห้องพี่เขานะคะ พี่จะเป็นคนเขียนก็ได้ค่ะ จะได้แยกห้องกันน่ะค่ะ อาการปวดหัวนั้นต้องคุยทางตรงนะคะไว้หลังไมค์นะคะ

    ตอบลบ
  3. การโอนบุญทั้งต้องพูดยาวๆเหมือนที่เรากล่าวทุกวันหรือค่ะ หรือพูดแค่ว่า ข้าพเจ้าของโอนบุญกุศลข้าพเจ้าที่ทำมาทั้งหมดให้กับ คนในโลกทิพย์ แบบนี้ใช้ได้ไหม พี่ใช้สรรพนามไม่ถูกว่าควรจะเรียกเค้าอย่างไง ผีก็ให้ว่าให้ผีตนนั้นๆใช่ไหม นุ้ยค่ะแล้วเด็กคนที่พี่เห็นคนแรกเป็นใคร เค้ามาได้ไง ค่ะ แล้วเด็กคนที่สองล่ะค่ะ นุ้ยยังไม่ได้ตอบเลยว่าเค้ามากันทำไม

    ตอบลบ
  4. การโอนบุญทุกครั้งต้องอารธนาบารมีคุณพระรัตรนตรัยก่อนค่ะ อาศัยบารมีของท่านพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ช่วยเบิกบุญและส่งบุญให้กับสิ่งที่เราต้องการโอนให้น่ะค่ะ ถ้าเราทำคนเดียวมันจะได้น้อยค่ะ

    กล่าวว่า" ข้าพเจ้าขออารธนาบารมีคุณพระรัตนตรัยขอเบิกบุญทั้งหมดที่สำเร็จแก่ข้าพเจ้าแล้ว ข้าฯขออุทิศให้กับผีตนนี้ที่มาปรากฏตัวให้ข้าฯเห็นอยู่นี้ จงอนุโมทนาผลบุญนี้จากข้าฯนะ ผลบุญใดจะพึงบังเกิดแค่ข้าฯขอให้เกิดแก่ท่านเช่นกันด้วยเทอญ.."

    เรื่องเด็กในนิมิต เด็กคนแรกเป็นสัมภเวสีทั่วไปค่ะ แวะมาขอบุญเฉยๆ เด็กคนที่ 2 เป็นตัวพี่เองในอดีตค่ะ
    ที่นี่ถ้าเกิดนิมิตเราอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร เมื่อเรายังไม่สามารถติดต่อพูดคุยกับเขาได้ ก็ใช้การถามจิตตัวเองนี้แหละค่ะ และรอฟังคำตอบครั้งแรกอย่าถามซ้ำอีกไม่งั้นจะไขว้เขว่ได้ค่ะ ถามประโยคสั้นๆ รอคำตอบว่าใช่หรือไม่ น่ะค่ะ เช่น "เด็กคนนี้ใช่เราในอดีตหรือไม่".... "เด็กคนนี้คือญาติเราหรือไม่"....ที่เราเห็นนี้คืออดีตชาติหรือไม่.. ที่เราเห็นนี้จะเกิดขึ้นในอนาคตกันใกล้นี้หรือไม่... คำถามประมาณนี้น่ะค่ะ แล้วมาเช็คคำตอบกับนุ้ยอีกทีก็ได้ค่ะ พี่จะได้ฝึกการสื่อสารกับจิตตัวเองไปด้วยค่ะ

    ตอบลบ
  5. เมื่อตอนเช้านอนอยู่ยังไม่ทันตื่นดี เห็นโลกทิพย์อีกแล้วค่ะ เห็นผู้หญิงกับผู้ชายสองคนใส่เสื้อขาวทั้งสองคนเลย เห็นหน้าชัดเจน พอเห็นในจิตพี่เกิดความกลัวขึ้นมา เพราะรู้ว่าเป็น ผี พี่บอกในจิตว่า ไม่ใช่นี่เราดูละครอยู่ /หลอกตัวเอง ไง มันกลัว /พอคิดว่าอย่างนั้นก็เห็นหน้าชัดเหมือน กล้องซูมเข้าใกล้/ตกใจกลัวทำอะไรไม่ถูก เลยตื่นเลย ใจพี่คิดอยู่ตอนนั้นพี่จะให้บุญเค้าแต่พี่คิดไม่ออกว่าจะพูดอย่างไร งง เจอผีตัวจริงทำอะไรไม่ถูก พอพี่ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ เอ่ยเรียกเค้าทั้งสองคน ว่าให้ผีทั้งสองตนในโลกทิพย์เมื่อเช้าที่มาหาเราจงมารับ พอพูดนะ ขนลุก ซู่ซ่ามากเลย แล้วพี่ก็บอกมาโมทนาผลบุญนะ พี่ก็คิดว่าเค้ามารับเพราะเรารู้สึกได้ นุ้ยค่ะถ้าเราเห็นโลกทิพย์บ่อยๆ เราจะเป็นไรไหม พี่เห็นบางครั้งแต่จำเรื่องไม่ได้แต่รู้ว่าเราเห็น

    ตอบลบ
  6. เป็นซิค่ะ เป็นความเคยชินไง เห็นบ่อยๆ ยิ่งดีจะได้ชินกับผีค่ะ ถ้านานๆ เห็นที มันก็จะกลัวอยู่อย่างนั้นแหละค่ะ ถือว่าเขามาช่วยพี่ด้วยนะ ช่วยให้พี่ชินกับการเห็นผี ไงค่ะ

    นุ้ยเลิกกลัวผีได้ ก็เพราะว่าเห็นบ่อย(จัด) นี้แหละค่ะ อิอิ

    ตอบลบ
  7. เป็นเรื่องดีนะที่เราได้เห็นผี เราจะได้ชิน แฮ่ะๆ ชินก็ชินม่ะ / เมื่อคืนฝัน ฝันว่าได้ไปช่วยคุณปู่คนนึงแต่เหมือนคนจีน ถ้าเค้าเรียกกันคงเป็น อาก๋งมั่ง ฝันว่าอาก๋งคนนี้กำลังจะตาย แต่ยังไม่ตาย ญาติเค้าบอกให้พี่ช่วย พี่ก็นึกในใจ /กูจะช่วยยังไงว่ะนี่เกิดมาไม่เคย/ความรู้สึกบอกให้ไปเก็บดอกไม้ 8-9 อย่างอะไรนี่และ พี่ก็ไปเก็บเก็บได้สัก5-6 อย่างเค้าก็ตะโกนมาอาก๋งสิ้นลมแล้ว พี่ก็รีบเก็บมาแต่เป็นผ้าขาวผืนเล็กๆก็รวมกันได้9อย่างพี่ก็เอาใส่ขัน ขณะนั้นพี่ก็สวดอะไรไม่รู้สวดไปสวดมา ของขึ้นเหมือนมีองค์มาลงเพื่อช่วย อาก๋ง องค์นั้นคือ ท่านพระยายมราช ท่านลงทรงมาในร่างพี่ ระหว่างที่ท่านลงนั้นพี่ก็กำลังยืนอยู่ มือเราสัมผัสพลังท่านที่ยืนอยุ่ข้างๆ พลังแรงมาก แล้วเราก็เป่าพลังลงไปที่ขันที่มีของใส่อยู่ แล้วเอาไปให้อาก๋งดื่ม ก่อนที่จะดื่มอาก๋งท่านนี้ได้ตายไปแล้วนะ พอญาติเอาน้ำให้ดื่ม อาก๋งก็ฟื้นขึ้นมาพูดคุยได้ปกติ พี่ได้เข้าไปพี่คุยกับอาก๋งว่า อาก๋งรุ้ไหมใครเป็นคนช่วยอาก๋ง ไม่ใช่หนูหรอกนะ แต่เป็นท่าน /พอจะพูดเหมือนมีคนพูดแทรกขึ้นเหมือนไม่ให้เราพูดว่าคือ/ท่านพระยายมราช/พี่ก็รู้ในใจว่าท่านพระยายมราชท่านคงไม่อยากให้เอยนามท่าน พี่ก็เลยเงียบไป พี่ก็รู้อีกในจิตบอกว่า อาก๋งทำตัวไม่ดี ชอบทำผิดศีล พี่ก็เลยบอกว่า อาก๋งโชคดีนะที่ฟื้นขึ้นมาได้ ต่อไปนี้นะให้อาก๋งหมั่นทำบุญกุศลให้มากๆอย่าทำความชั่วอีก จะตกนรกนะ แล้วพี่ก็ตื่น/นุ้ยว่าที่พี่ฝันนีคือจริงไหม หรือพี่กินมากไปเลยเก็บมาฝัน

    ตอบลบ
  8. เป็นนิมิตหมายที่ดีนะคะ ถึงเวลาแล้วที่พี่ต้องทำหน้าที่นี้ต่อจากชาติที่แล้วนะคะ วันงานมาใหได้ แล้วจะรู้คำตอบ ว่าฝันเมื่อคืนท่านต้องการสื่ออะไรค่ะ

    หากปฏิบัติแล้ว ยกเลิกความคิดว่า กินมากฝันมาก ออกไปได้เลยนะคะ ไม่งั้นจะมาขวางกลั้นของเก่าของพี่เอาน่ะค่ะ

    ตอบลบ
  9. นุ้ยค่ะที่พี่ได้ถือศีล8นั้น หลังจากที่ทำภาระกิจทั้งวันเสร็จแล้ว พี่ก็ล้มตัวลองนอนด้วยความเพลีย ล้มแรงเพราะเกิดมายังไม่เคยสวดมนต์เยอะขนาดนี้มาก่อน เกือบๆ4โมงวันนี้ เหนื่อยกายแต่จิตไม่เหนื่อยนอนไปภาวนาไป นะมะ พะธะ ได้สักพักใหญ่ๆเห็นเป็นพระพุทธเห็นแต่หน้ากับช่วงหน้าอกท่าน เห็นเกือบชัดแต่ก็ไม่ค่อยชัดเท่าไร พอเห็นพี่ก็พยามดูอีกทีเพ่งมองในจิตก็เห็นอีกว่าเป็นสมเด็จองค์ปฐมนั้นเอง แล้วภาพก็หายไป เรารู้ตัวตลอดเลย แล้วพอตอนดึกก็มาอีกแล้ว แต่ทีนี้เป็นผีมันมาหยีบ บน หน้าอกลักษณะขึ้นขะย่มบนอกพี่ในจิตรู้ว่าเป็นผีพี่เลย สวดนะโมไล่มันแต่มันไม่ไป เลยสวดบทเจริญ พุทธ ธรรม สงฆ์ ไล่มันตัวมันก็ กะเด็นออกจากตัวพี่ไป พอตื่นพี่เราคิดว่าทีหลังเราต้องขออาราธนาบารมีพุทธเจ้า เอาอย่างนี้ดีกว่า พี่รุ้ตัวตลอดนะ นอนไปอีกพี่ก็เหมือนจะเปิดโลกทพย์อีก เห็นเป็นที่ไหนสักที่แล้วภาพหายไปไวมาก นี่นี้พี่จะถามนุ้ยนะว่า พี่รู้สึกจิตมันตื่นตลอดเวลารู้ตัว พี่นอนพี่ก็รุ้ตัว เหมือนนอนไม่หลับ รู้ตัวจนถึงตี4แน่ะ พี่นอนตั้งแต่3ทุ่ม ไม่รู้สึกตัวก็เช้าพอดี จิตมันไม่ยอมหลับพี่อยากหลับ พี่ก็ไม่ภาวนาใดๆเลยเพราะพี่อยากนอน แต่พอเช้ามันก็ไม่เพลียนะเหมือนเรานอนหลับไปปกตินะ ทั้งที่จริงเราทำงานและปฏิบัติทั้งวันเลยเราต้องเหนื่อยใช่ไหม ก็พี่จำได้แล้วเมื่อตอนที่พี่ไปบวชที่วัดอัมพวันก็แบบนี้แหละ พี่ไม่ได้นอนเลยจิตมันไม่นอน3วัน พี่กลับมาแต่อันนี้พี่โทรมเลย ทำไหมพี่ถึงมีอาการอย่างนั้น พี่อยากนอนให้ปกติเหมือนทุกๆวัน แล้วที่ผีมันมาหยีบอกนั้นหมายความว่าไงค่ะ

    ตอบลบ
  10. ขอเพิ่มเติมอีกนิดนะตอนที่พี่เห็น สมเด็จองค์ปฐมนั้น ตัวพี่สั้นหน้าอกสั่นพั่บๆสะเทือนเลย หมายความว่าไงค่ะ พอพี่ลืมตาด้วยความดีใจหน้าอกพี่ก็ยังสั่นอยุ่เลยค่ะ

    ตอบลบ
  11. ที่พี่เห็นพระสมเด็จองค์ปฐมนั้นเห็นรัศมีขององค์ท่านด้วยไหมค่ะ คือพวกผี หรือมาร อาจแปลงร่างมาหลอกเราได้น่ะค่ะ ให้เราหลงเชื่อก้มกราบบูชา กลายเป็นรับมันเป็นครูไปโดยปริยายได้ค่ะ

    เวลาเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางโลกทิพย์ต้องสักเกตุนิดหนึ่งค่ะ ว่ามีแสงรัศมีรอบองค์ท่านหรือไม่และแสวงแค่ไหนค่ะ ถ้าของจริงจะมีแสงค่ะ

    ผีตัวที่เหยียบหน้าองค์พี่ เป็นเจ้ากรรมนายเวรค่ะเป็นผู้ชายร่างใหญ่ใช่ไหมค่ะ

    ช่วงนี้ให้พี่ระวังตัวนะคะ อย่าเพิ่งไปอยากรู้อยากเห็นใดๆค่ะ เพราะพี่ยังไม่มีครูบาอาจารย์ทางโลกทิพย์ที่ท่านลงมาโปรดสอนมาคุมพี่นะคะ
    พวกมาร พวกเจ้ากรรมจะเล่นงานเอาได้ค่ะ คราวนี้โชคดีว่าท่านเทวดาอารักขาพระพุทธรูปที่บ้านพี่ท่านเห็นเลยไล่มันไปได้ ไม่งั้นพี่แย่แน่ค่ะ

    บทเจริญพระรัตนตรัย ไม่ได้ไล่มันนะคะ แต่ท่านเทวดาท่านไล่ค่ะ

    ข้อเสีย ของญานทัศนะเปิด นี้ก็เป็นอีก 1 ข้อค่ะ เจ้ากรรมจะตามทวงถึงตัวเลยค่ะ ถ้าเราไม่คุมสติหรือจิตอ่อนก็เสร็จมันค่ะ

    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามตอนนี้ ให้พี่ทำใจให้เข็มแข็งนะคะ ไม่กลัว ถ้าเราไม่กลัว จิตแข็งซะอย่างไม่ว่าเจ้ากรรมหรือมาร ตนใดก็ทำเราไม่ได้ค่ะ และให้นึกถึงพระพุทธเจ้าหรือท่านท้าวเวสสุวรรณค่ะ หากเกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากับผีร้ายอีกนะคะ

    ตอบลบ
  12. เรื่องจิตตื่นทั้งวันทั้งคืน คือ ตอนนี้จิตพี่เริ่มแยกออกจากร่างกายได้บ้างแล้วน่ะค่ะ เขาเป็นอิสระเลยเหมือนว่าเราจะตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาแต่จริงๆ แล้วร่างกายน่ะพักผ่อนค่ะ เพียงแต่จิตเท่านั้นค่ะที่ตื่น เราจึงไม่รู้สึกว่าเหนื่อยมากนักแม้ไม่ได้นอนทั้งคืนน่ะค่ะ

    แต่ปล่อยให้ตื่นทั้งคืน ก็ไม่ได้ดีค่ะเปิดญานทั้งวันทั้งคืนเปลืองแบตค่ะ เวลานอนก็ปิดคลื่นซะค่ะ จะพูดบอกออกมาก็ได้ว่าลูกขอปิดญาน ณ บัดนี้ เวลาจะใช้ก็ ลูกขอเปิดญาน ณ บัดนี้ ประมาณนี้น่ะค่ะ

    ตอนนอนกล่าวปิดญานแล้วก็ไม่ต้องภาวนาอะไรทั้งสิ้นแล้วนะคะ นอนหลับปกติไปเลยค่ะ ถ้าพี่ไปภาวนาอีกก็เหมือนการสตาร์ทเครื่องใหม่อีกน่ะค่ะ ไม่งั้นไม่ได้นอนแน่ค่ะ
    และการเปิดญานช่วงกลางคืนจะอันตรายมากค่ะ สำหรับผู้ยังไม่ชำนาญการใช้ หรือติดต่อพูดคุยกับโลกทิพย์ได้ เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขามาดีหรือร้าย อย่างไร จะเสี่ยงมากค่ะ

    เปิดเฉพาะช่วงกลางวันจะดีกว่าค่ะตอนนี้ กันตัวเองไว้นิดนึงนะคะ

    นุ้ยอยากให้พี่รวมเขียนทุกอย่างที่เกิดกับการฝึกกรรมฐาน หรือเรื่องโลกทิพย์ต่างๆ ให้พี่ลงไว้ที่ห้องพิเศษของพี่เลยนะคะ นุ้ยจะเข้าไปตอบให้ห้องนั้นเลยค่ะ จะได้ไม่ตกค้างน่ะค่ะ

    ตอบลบ

ทุกบทความในเวป http://www.banimboon.blogspot.com/ เป็นลิขสิทธิ์
ของบ้านอิ่มบุญ ห้ามดัดแปลง คัดลอก หรือนำไปเผยแพร่
ก่อนได้รับอนุญาต

บ้านอิ่มบุญ

บ้านอิ่มบุญ
กลับหน้าหลัก