วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เจ้าเวรตามทวงหนี้กรรม

ต่อจากตอนที่แล้ว ตะลุยโลกทิพย์ครั้งแรกในชีวิต หากท่านใดยังไม่อ่านกลับไปอ่านก่อนนะคะ จะได้เข้าใจเนื้อเรื่องมากขึ้นค่ะ  
http://banimboondiarynitan.blogspot.com/2009/12/blog-post.html

ตามที่ได้ทิ้งท้ายเรื่องที่แล้วไว้ว่า เจ้าเวรมาตามทวงหนี้กรรมกับข้าพเจ้า มากันแบบไหน และทำอย่างไรบ้าง ข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟังต่อนะคะ

หลังจากที่กลับมาจากร้านแห่งนั้นแล้ว กำลังจะถอนออกสมาธิ ทันใดนั้นข้าพเจ้าก็เจ็บที่เท้า(ตรงระหว่างตาตุ่มกับส้นเท้าน่ะค่ะ) จากเจ็บแป๊บๆ ค่อยๆ เจ็บมากขึ้นๆ จนทนไม่ไหว เจ็บเหมือนมีของแหลมมาแทงทะลุเท้าเราลงไปปักกับพื้นเลย เพราะไม่สามารถขยับเท้าที่เจ็บได้เลย ยิ่งขยับก็ยิ่งเจ็บ พยายามที่จะฝืนเอี้ยวตัวทำทุกอย่างที่จะขยับเท้าให้ได้ (ที่แรกคิดว่าเหน็บคงกิน เพราะนอนแบบไม่ขยับตัวเลยนานไปหน่อยมั่ง) ไม่ว่าจะพยายามทำอย่างไรก็ตาม เท้าข้างนั้นก็ขยับไม่ได้เลย และเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น จนต้องร้องบอกอาจารย์

ข้าพเจ้า : อาจารย์ช่วยด้วย อะไรที่เท้าข้าพเจ้าหรอ เจ็บเหลือเกิน
อาจารย์ : อืม..เห็นแล้ว กำหนดจิตดูซิ ว่าคืออะไร
ข้าพเจ้า : เห็นเป็นเหมือนหอกหรอ ปักที่เท้าข้าพเจ้าอยู่
อาจารย์ : ใช่ แล้วเห็นไหมว่าใครทำ
ข้าพเจ้า : เห็นไม่ชัดน่ะ แต่ร่างไม่เหมือนคนเลยนะ ร่างใหญ่ๆ สัตว์ 4 เท้า
อาจารย์ : ถูก เขาเป็นช้าง เราเคยทำเขาไว้เช่นนี้ เมื่อในอดีตชาติไง เอ้า..ลองย้อนกลับไปดูในอดีตชาติที่เคยทำกับช้างเชือกนี้ซิ
ข้าพเจ้า : โอ้ย..จะไปอย่างไงล่ะอาจารย์ปวดจะตายอยู่แล้วทำใจให้สงบไม่ได้หรอกจ้า
อาจารย์ : อย่าพึ่งโวยวาย เดี๋ยวจะต่อรองให้ก่อนโอเค
ข้าพเจ้า : จ้าอาจารย์

แล้วอาจารย์ก็ทำการต่อรองกับช้างเชือกนั้น

อาจารย์ : เจ้าพญาช้าง ท่านต้องการสิ่งใดรึ ถึงทำกับแม่นางเขาเยี่ยงนี้
พญาช้าง : มันเคยทำข้าไว้ มันทำให้ข้าเจ็บปวดเยี่ยงนี้เช่นกันจนข้าตาย
อาจารย์ : อืม..ตอนนี้แม่นางเขาจำไม่ได้แล้วว่าเคยทำอะไรท่านไว้นะ
พญาช้าง : ข้าไม่สน มันจำได้หรือไม่ได้ แต่ข้าจำได้ไม่มีลืม ข้าจะทำให้มันจำได้เอง
(เสียงท่านพญาช้างดังแบบกึกก้องมาก เหมือนเปิดเสียงโฮมเธียเตอร์เลย)

แล้วก็เกิดภาพ(เหมือนนอนดูทีวี) สี่เหลี่ยมขึ้นและมีเหตุการณ์ในสนามรบเกิดขึ้นในสี่เหลี่ยมนั้น เห็นตัวข้าพเจ้าเองเป็นทหารกำลังรบต่อสู้กับพวกพม่าอยู่ ข้าพเจ้าได้เอาหอกแทงที่เท้าช้าง (บริเวณเดียวกันกับที่ข้าพเจ้าเจ็บอยู่เลย) เพราะข้าพเจ้ายืนอยู่กับพื้นดิน ต้องการให้ช้างนั้นล้มลงแล้วจะได้จัดการกับคนที่อยู่บนช้างได้ ช้างก็ล้มลงอย่างที่ข้าพเจ้าคิดและข้าพเจ้าก็ฟันคอคนที่อยู่บนหลังช้างได้อีกด้วยดั่งที่คาดไว้ คนตายทันทีหัวกระเด็นออกจากคอ แต่ช้างยังไม่ตายนอนเจ็บปวดทรมานอยู่ แล้วข้าพเจ้าก็หันไปรบกับคนอื่นต่อไปโดยทิ้งหอกปักที่เท้าช้างไว้อย่างนั้น จึงทำให้ช้างเชือกนี้ อาฆาตแค้นกับข้าพเจ้ามากเพราะเขาต้องทรมานมากกับหอกแหลมที่ข้าพเจ้าได้ปักไว้ที่เท้าของเขา ทำให้เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย และช้างก็หมดลมหายใจตายอย่างเจ็บปวดทรมาน

ข้าพเจ้าดูทีวีไป เอ้ย..ไม่ใช่ ดูนิมิตไปก็น้ำตาไหลไป สงสารช้างจับใจ ทำไมเราใจร้ายทำเขาได้ขนาดนี้

ข้าพเจ้า : ข้าพเจ้ารู้แล้ว ว่าเหตุใดท่านถึงแค้นข้าพเจ้ามากนัก ข้าพเจ้าทำร้ายท่านไว้มาก ทรมานท่านมากเหลือเกินจริงๆ สมควรแล้วที่ท่านอาฆาตแค้น
ข้าพเจ้าพูดไปก็ร้องไห้ไป สำนึกกับบาปกรรมที่เคยทำไว้กับเขา
อาจารย์ก็พูดกล่อมพญาช้างขึ้นมาว่า
อาจารย์ : ท่านพญาช้างเอ่ย ปล่อยนางไปเถอะนะ ท่านทำนางตายแล้วอย่างไร ท่านได้แต่ความสะใจได้แก้แค้น แล้วท่านก็ต้องได้รับกรรมเพิ่มอีกงั้นหรือ มันไม่คุ้มกันเลย ท่านคิดดูให้ดีนะยอมรับบุญจากนาง เพื่อเป็นการถ่ายโทษเถอะนะ ท่านได้ไปสบายไม่ต้องมามัวตามแก้แค้นและก่อกรรมเพิ่มอีกด้วยนะ

ข้าพเจ้าได้ยินอาจารย์พูดเช่นนั้น จึงกล่าวเสริมต่ออาจารย์ทันทีว่า
ข้าพเจ้า : ใช่ๆ จ๊ะ ท่านพญาช้าง ข้าพเจ้าขอถ่ายบาปนี้ด้วยบุญทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้ทำมาทั้งในอดีตชาติทุกชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ อ้อๆ ข้าพเจ้าจะไปบวชชีพราหณ์ม พรุ่งนี้ 8 วัน
ข้าพเจ้าขอโอนบุญนี้ให้ท่านทั้งหมดเลยด้วยนะ ขอท่านโปรดเมตตา อโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าท่านต้องเจ็บปวดทรมานแค่ไหนก่อนท่านตาย ข้าพเจ้ารับรู้แล้วว่าข้าพเจ้าทำร้ายท่านไว้มากเหลือเกินจริงๆ ข้าพเจ้าขอขมาและขออโหสิกรรมจากท่านพญาช้างด้วยเถิด
พญาช้าง : ได้ แล้วข้าจะมารับบุญจากเจ้าอีกทีหลังจากวันที่เจ้าออกศีล

แล้วภาพท่านพญาช้างก็ค่อยๆ หายไป หอกที่แทงเท้าข้าพเจ้าอยู่ก็ค่อยๆ หายไปเช่นกัน ความเจ็บปวดหายไปเป็นปลิดทิ้งเลย

โอ้..เรื่องนี้ถ้าไม่เกิดกับตัว ไม่เห็นด้วยตาตนเองนี้ ไม่มีทางเชื่อแน่ๆ ว่าเจ้ากรรมนายเวรตามมาทวงหนี้ จะๆ ได้ขนาดนี้เลย แต่ยังไม่ทันจะขยับตัวไปไหนเลยก็รู้สึกเหมือนโดนบีบคอ “เอาอีกแล้ว มาอีกแล้วหรอ” ข้าพเจ้านึกในใจ แรงบีบยิ่งหนักมากขึ้น จนหายใจแทบไม่ออก

พยายามส่งเสียงบอกให้อาจารย์ช่วยด้วย แต่เหมือนไม่มีเสียง แล้วอาจารย์ก็หันมาทางเราแล้วพูดว่า
อาจารย์ : โดนอีกรายละซิ
ข้าพเจ้า : พยักหน้า และชี้นิ้วมาที่คอทำท่าว่าโดนบีบคอ ให้อาจารย์ดู พร้อมกับพูดด้วยว่า “อาจารย์ช่วยด้วยโดนบีบคอ” แต่ในความรู้สึกตอนนั้นเหมือนว่าเราพูดแล้วแต่ไม่มีเสียงคิดว่าอาจารย์คงไม่ได้ยินเลยทำท่าให้ดูด้วยเพื่อความชัวร์
อาจารย์ : อืม..เห็นแล้ว ได้ยินแล้วด้วย
ข้าพเจ้า : อ้าว..แล้วทำไมเราไม่ได้ยินเสียงตัวเองล่ะ (นึกในใจ)
อาจารย์ : เอาโอนบุญให้เขาซะและบอกเขาเรื่องจะไปบวชพรุ่งนี้ด้วยล่ะ เจ้านี้ไม่เท่าไร กำหนดจิตดูเอาเองว่าเขาเป็นใคร ไปทำอะไรเขาไว้ล่ะ
ข้าพเจ้า : โห..อาจารย์ไม่เท่าไหร่หรอเนี้ย บีบคอจะตายอยู่แล้วนะ
อาจารย์ : เออ..โอนบุญไป แล้วกำหนดจิตสื่อสารเอาเอง อาจารย์ไม่ได้จะอยู่กับเองตลอดไปนะ หัดช่วยเหลือตัวเอง
ข้าพเจ้า : จ้าอาจารย์

แล้วข้าพเจ้าก็กำหนดจิตดูว่าเขาคือใคร เราไปทำอะไรเขาไว้หนอ ถึงต้องมาบีบคอกันอย่างนี้ด้วยมาบอกกันดีๆ ไม่ได้หรือไงหนอท่านเจ้าเวร

ภาพสี่เหลี่ยมกำลังขึ้นมา ได้ยินเสียงอาจารย์ขึ้นมาก่อนว่า

อาจารย์ : เอาล่ะๆ เขาเป็นเจ้ากรรมเจ้าเรื่องความรักนะ โอนบุญให้เขาไปเลย แล้วออกจากสมาธิเร็วเข้า

ข้าพเจ้าก็งง อะไรของอาจารย์เนี้ย เมื่อกี้ยังบอกให้เราดูเองอยู่เลย ตอนนี้กลับเร่งให้เรารีบๆโอนบุญ รีบๆ ออกซะงั้น ข้าพเจ้าก็โอนบุญให้เขาและบอกให้เขาอีก 8 วันมารอรับบุญ จากศีล 8 อีกทีนะ เขาก็ไปแต่โดยดี คอที่โดนบีบอย่างแรงหายใจแทบไม่ออก ก็หายไปเฉยเลย

ขณะที่เรากำลัง งงๆ กับเหตุการณ์เจ้าหนี้มาทวงทั้ง 2 เหตุการณ์อยู่นั้น เสียงอาจารย์ก็ดังขึ้น
อาจารย์ : เอา ออกจากสมาธิเร็วเข้าเดี๋ยวก็โดนทวงอีกเป็น 100 หรอก

ข้าพเจ้าได้ยินดังนั้นรีบออกจากสมาธิด่วน ไม่ไหวแค่ แค่ 2 รายก็จะแย่แล้ว ออกดีกว่า.....

พอออกจากสมาธิมาแล้ว อาจารย์ก็เล่าให้ฟังว่า
อาจารย์ : ที่เร่งให้ออกน่ะ เพราะอาจารย์เห็นว่าเขาวิ่งกรูเข้ามากันเป็น ร้อยๆ รายเลยล่ะจะมาเอาบุญจากเรากัน
ข้าพเจ้า : โหแล้วทำไมพร้อมใจกันมาขนาดนั้นอะ จะมาเอาอะไรกันบุญก็ใช้ว่าจะมีให้เยอะซะที่ไหนหนอ
อาจารย์ : ก็บุญที่จะไปบวชชีพราหณ์ม ครั้งนี้แหละ เขาได้ยินเขาก็อยากมาเอากันด้วยน่ะซิ บุญไม่ใช่น้อย ๆ นะ ยิ่งเขารู้แล้วว่าเราเห็นพวกเขาได้แล้วยิ่งจะมากันใหญ่น่ะซิ
ข้าพเจ้า : เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าทั้งนั้นเลยหรอ
อาจารย์ : ไม่ทั้งหมดหรอก บางรายก็เป็นสัมภเวสีแถวนี้แหละ อยากได้บุญก็มาขอกันบ้างไง
ข้าพเจ้า : ออ แล้วทำไมไม่ให้เขาล่ะอาจารย์ พวกเขาน่าสงสารออก
อาจารย์ : สงสารตัวเองซะก่อนเถอะ โดนแค่ 2 รายก็ค้างเหลืองแล้ว จะเช็คบิลให้หมดในวันเดียวเลยหรือไง ส่วนพวกสัมภเวสีน่ะ เดี๋ยวตอนเราแผ่เมตตาก็ส่งไปให้พวกเขาก็ได้ไม่จำเป็นต้องให้ผ่านทางสมาธิหรอกเหนื่อยเราเปล่าๆ เอาแรงไว้รับมือกับเครสหนักๆ ดีกว่านะ
ข้าพเจ้า : จริงด้วยซิ อาจารย์ แค่ 2 รายแทบตายแล้ว ขืนโดน 100 ราย ข้าพเจ้าคงได้ไปเกิดใหม่แน่ๆเลย 555+


อย่าประมาทในบาปกรรม แม้ว่าทำเพราะหน้าที่หรือจำใจทำ แต่เจ้ากรรมนายเวรเขาคอยตามทวงจากเราเสมอไม่มียกเว้น


บุญญาบารมี












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ทุกบทความในเวป http://www.banimboon.blogspot.com/ เป็นลิขสิทธิ์
ของบ้านอิ่มบุญ ห้ามดัดแปลง คัดลอก หรือนำไปเผยแพร่
ก่อนได้รับอนุญาต

บ้านอิ่มบุญ

บ้านอิ่มบุญ
กลับหน้าหลัก